You are what you eat. ไง
รสชาติของอาหารที่ชื่นชอบ ก็มีผลต่อสุขภาพด้วย เช่น ถ้าชอบทานอาหารที่
รสหวานจัด ก็มีโอกาสเกิดโรคเบาหวาน ทานอาหารมันมากๆ ก็เกิดไขมันใน
เส้นเลือดสูง อาจได้ของแถมโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีก ชอบกินเค็มจัด โรคไต
ก็อาจจะถามหา กินเผ็ด และเปรี้ยวจัด ก็เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารอักเสบ
หรือเป็นแผลได้ กินมากเกินไปก็หนีไม้พ้นโรคอ้วน แต่ถ้าอดมากเกินไปก็เกิดภาวะ
ขาดสารอาหาร ร่างกายอ่อนแอ เกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย เฮ้อ.. แล้วจะต้องทำยังไงดีล่ะ ถึงจะมีหุ่นสวยๆ แล้วก็สุขภาพดีด้วย
รสหวานจัด ก็มีโอกาสเกิดโรคเบาหวาน ทานอาหารมันมากๆ ก็เกิดไขมันใน
เส้นเลือดสูง อาจได้ของแถมโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีก ชอบกินเค็มจัด โรคไต
ก็อาจจะถามหา กินเผ็ด และเปรี้ยวจัด ก็เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารอักเสบ
หรือเป็นแผลได้ กินมากเกินไปก็หนีไม้พ้นโรคอ้วน แต่ถ้าอดมากเกินไปก็เกิดภาวะ
ขาดสารอาหาร ร่างกายอ่อนแอ เกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย เฮ้อ.. แล้วจะต้องทำยังไงดีล่ะ ถึงจะมีหุ่นสวยๆ แล้วก็สุขภาพดีด้วย
ปริมาณแคลอรีของอาหาร แต่ถูกกำหนดด้วยปริมาณอาหาร ที่อยู่ในกระเพาะค่ะ และระยะเวลาการกินนั้นเอง ดังนั้น เราสามารถกินอาหารในปริมาณมาก (แบบพอดี) แต่ไม่อ้วนได้ โดยต้องฉลาดที่จะเลือกชนิดของอาหารที่จะใส่เข้าไปในกระเพาะของเรานั่นเอง
หุ่นสวย สุขภาพดี ด้วยการกิน
ในวันหนึ่งๆ ร่างกายของคนเราต้องการพลังงานที่แตกต่างกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเพศ วัย และกิจกรรมที่ทำในวันนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น ปริมาณแคลอรีที่เหมาะสม
สำหรับผู้หญิงวัยผู้ใหญ่จะเท่ากับ 1,400-1,800 Kcal ต่อวัน และผู้ชายวัยผู้ใหญ่ คือ 1,600-2,200 Kcal หากกินเกินวันละ 50 Kcal ในหนึ่งปี จะทำให้มีน้ำหนัก
เพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัมต่อปี หรือถ้ากินเกิน 500 Kcal ใน 1 สัปดาห์ ก็จะทำให้น้ำหนัก
เพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
ขอแนะนำว่าอย่ากินขณะที่หิวจัด อย่าซื้อหรือเก็บอาหารที่ชอบไว้ในตู้เย็น
หรือตู้กับข้าว หรือกล่องขนมส่วนตัว และก่อนที่จะกินอาหารลองนั่งคำนวณพลังงาน
กันสักนิด อาจจะทำให้คุณหยุดตัวเองจากการเป็นชูชกได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ถ้าอยากดื่มน้ำอัดลมสักกระป๋อง หรือขนมกรุบกรอบสักถุง ลองอ่านข้างถุงว่า
น้ำอัดลมและขนมจะให้ปริมาณแคลอรี กับคุณมากน้อยแค่ไหน เพราะอาหารเหล่านี้
สามารถทำให้คุณอ้วนได้ง่าย กินแล้วไม่อยู่ท้องอีกต่างหาก และในวันนั้นคุณได้กิน
ไปแล้วมากน้อยเท่าไร ถ้ามีแนวโน้มว่าจะเกินก็ควรจะหยุดความอยากเอาไว ้ก่อน
จะดีกว่า เพราะถ้ากินไปแล้วจะเผาผลาญให้มันสูญสลาย ไปนั้นช่างยากนัก
คิดง่าย ๆ ถ้าจะเผาผลาญพลังงานจากน้ำอัดลมประมาณ 300 ซีซี สำหรับคนน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม จะต้องออกกำลังกายโดยการวิ่งประมาณเกือบ 3 กิโลเมตร (พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!) มันช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากซะเหลือเกิน เพราะฉะนั้นคิดก่อนทำจะดีที่สุด
แล้วก็มาถึงหัวใจสำคัญนั่นคือ ชนิดของอาหาร แนะนำว่าควรกินอาหารที่มี
กากใยสูง มากด้วยวิตามิน แต่ให้พลังงานต่ำ นั่นก็คืออาหารจำพวกธัญพืช เพราะเป็น
คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ต้องใช้เวลาในการย่อยก่อนจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ต่างจาก
น้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจะให้พลังงาน
สูงและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว เนื้อสัตว์ควรเลือกประเภทที่มีไขมันต่ำ เนื้อปลา 2
ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 100 Kcal ถ้ากินข้าว 5 ช้อนโต๊ะหรือขนมปัง 1 แผ่น จะให้
พลังงาน 80 Kcal ถ้าตบท้ายมื้ออาหารด้วยผลไม้ 1 ส่วนให้พลังงาน 60 Kcal
เช่น ส้ม 2 ผล แตงโม 20 ชิ้นคำ หรือเงาะ 4-5 ผล ถ้ากินกันเป็นกิโลๆ ก็คงต้องเป็น
หมูพะโล้จากการได้แคลอรี่เกิน
คงไม่ยากเกินไปที่เราจะหันกลับมาใส่ใจกับการบริโภคเพื่อ การมีสุขภาพที่ดี
และมีหุ่นสวยๆ เป็นของแถม เคล็ด(ไม่ลับ) ง่ายๆ เพียงเท่านี้ อาจทำให้คุณได้แนว
ทางในการวางแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคที่ทำให้คุณเป็นคนใหม่
ที่สดใส แข็งแรง การสร้างสุขภาพเป็นหน้าที่ของทุกคน เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้แล้วคุณ
จะเห็นด้วยกับคำที่ว่า กินอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น
ขอขอบคุณ ข้อมูล จาก http://www.thaifooddb.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
fashions-health